วันอาทิตย์ที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

กิจกรรมวันคริสมาส

กิจกรรมวันคริสมาส

     ช่วงใกล้ ๆ สิ้นปี นอกจากการเฉลิมฉลองส่งท้ายถือว่าเป็นเทศกาลสำคัญมาก ๆไม่แพ้เทศกาลอื่น ๆ ในโลกเลยทีเดียว นั่นก็คือ เทศกาลคริสมาสต์ นั่นเองเทศกาลวันคริสมาสต์นั้นเป็นเทศกาลสำคัญในศาสนาคริสต์ ซึ่งถือว่าในวันที่
  25 ธันวาคมของทุกปีเป็นวันคริสมาสต์ ตามประวัติแล้วถือกันว่าวันนี้เป็นวันเฉลิมฉลองการประสูติของพระเยซู ก่อนหน้านี้เทศกาลนี้ถือเป็นประเพณีปฏิบัติในหมู่ชาวคริสเตียน แต่ต่อมาเทศกาลนี้ได้แพร่หลายไปทั่วโลก ทำให้คนทั่ว ๆ ไปที่อาจจะไม่ได้นับถือศาสนาคริสต์ก็ร่วมเฉลิมฉลองด้วยเช่นกัน

ในวันนี้จะมีกิจกรรมต่าง ๆ มากมายไม่ว่าจะเป็น

การประดับตกแต่งบ้านเรือน อาคาร ด้วยต้นคริสมาสต์
การตกแต่งโบสถ์คริสต์
การให้ของขวัญและการ์ดคริสต์มาสแก่กัน
การร่วมเพลงคริสต์มาส
การรับประทานอาหารมื้อพิเศษร่วมกันในครอบครัว

ที่มาความเชื่อต่าง ๆ ในวันคริสมาสต์

วันคริสมาสต์คืออะไร ว่ากันว่า  เทศกาลคริสมาสต์ คือวันประสูติของพระเยซู โดยถือเอาวันที่ 25 ธันวาคมของทุกปี ตามประวัติพระองค์ประสูติที่เมืองเบ็ธเลเฮ็มและเติบโตที่เมืองนาซาเรท 

ซึ่งปัจจุบันคือประเทศอิสราเอล ตามหลักฐานในพระคัมภีร์ได้บันทึกไว้ว่า พระเยซูเจ้าประสูติในสมัยที่จักรพรรดิซีซาร์ ออกุสตุส แห่งจักรวรรดิโรมัน ซึ่งทรงสั่งให้จดทะเบียนสำมะโนครัวทั่วทั้งแผ่นดิน โดยฝ่ายคีรีนิอัส เจ้าเมืองซีเรียก็รับนโยบายไปปฏิบัติให้มีการจดทะเบียนสำมะโนครัวทั่วทั้งอาณาเขต แต่ในพระคัมภีร์ ไม่ได้ระบุว่า พระเยซูประสูติวันหรือเดือนอะไร แต่ทางศาสนาคริสต์ก็ได้ถือว่าวันที่ 25 ธันวาคมของทุกปีเป็นวันเฉลิมฉลองวันคล้ายวันประสูติของพระเยซู และเป็นการฉลองความรักที่พระเจ้ามีต่อมนุษย์โลก โดยส่งบุตรชาย คือ พระเยซูลงมาเกิดเป็นมนุษย์เพื่อช่วยไถ่บาป และช่วยให้มนุษย์รอดพ้นจากการทำชั่วนั่นเอง ดังนั้นในวันนี้ถือเป็นวันที่มีความหมายสำคัญชาวคริสต์ทั่วโลก และมีการส่งบัตรอวยพร ให้ของขวัญแก่กันและกัน รวมทั้งประดับประดาตกแต่งบ้านเรือนด้วยแสงไฟ และต้นคริสต์มาสอย่างสวยงาม


ทำไมต้องประดับต้นคริสมาสต์

มีเรื่องเล่าว่าในอดีตสมัยศตวรรษที่ 8 มิชชันนารีชาวอังกฤษเดินทางไปยังเยอรมนี และได้ช่วยเหลือชีวิตเด็กชายที่กำลังจะถูกฆ่าเพื่อนำไปบูชายัญที่ใต้ต้นโอ๊ก แต่เมื่อโค่นต้นโอ๊กทิ้งก็ได้พบต้นสนเล็กๆ ต้นหนึ่งขึ้นอยู่โคนต้นโอ๊ก มิชชันนารีชาวอังกฤษจึงขุดให้คนที่ร่วมพิธีกรรมเหล่านั้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของชีวิต
ต่อมามาร์ติน ลูเธอร์ ผู้นำคริสตจักรชาวเยอรมัน ได้ตัดต้นสนไปตั้งในบ้านในเดือนธันวาคมหลังจากนั้นในศตวรรษที่ 19 ต้นคริสต์มาสจึงเริ่มแพร่ไปสู่ประเทศอังกฤษและทั่วโลก



ทำไมต้องร้องเพลงคริสมาสต์กันด้วย

ว่ากันว่าที่ผู้คนเริ่มร้องเพลงในช่วงคริสต์มาสนั้นมาจากการที่นางฟ้าทั้งหลายได้ร้องเพลงประสานเสียงหลังจากที่ปรากฎกายลงมาต่อกลุ่มคนเลี้ยงแกะที่เมืองเบธเลเฮม เพื่อป่าวประกาศว่าพระเยซูได้ประสูติลงมายังโลกนี้แล้ว โดยก่อนหน้านี้จะมีการร้องเพลง carol โดยผู้คนจะเต้นรำเป็นวงกลมและจับมือกันร้องเพลง แต่ในภายหลังมีการเปลี่ยนแปลงเป็นบาทหลวงและผู้ที่นับถือศาสนาคริสต์ที่ร้องกันในโบสถ์เท่านั้นก็ตาม แต่การร้องเพลงคริสมาสต์ก็ยังคงมีอยู่

ทำไมถึงเทศกาลทีไรต้องใช้แต่สีแดง เขียวด้วย

เมื่อเอ่ยถึงเทศกาลคริสมาสต์หลาย ๆ คนมักจะนึกถึงสีแดงเขียวเป็นอันดับต้น ๆ เพราะทั้งสองสีนี้ถือเป็นสีประจำเทศกาล

สีแดง :

เทศกาลนี้ แต่อันที่จริงแล้ว สีประจำเทศกาลคริสมาสต์นั้นมีหลายสีดังนี้
เป็นสีที่แสดงออกถึงความตื่นเต้นมากที่สุดและเป็นสีของเดือนธันวาคม ซึ่งตามสัญลักษณ์ตามศาสนานั้น หมายถึงไฟ, เลือด และความโอบอ้อมอารี

สีเขียว :

เป็นสัญลักษณ์ของธรรมชาติ, ความอ่อนเยาว์และความหวังที่จะมีชีวิตอันเป็นนิรันดร์ ซึ่งก็เปรียบได้ว่าคริสต์มาสนั้นเป็นเสมือนเทศกาลแห่งความหวังด้วย
สีขาว :
คือสัญลักษณ์ทางศาสนา ซึ่งได้แก่ แสงสว่าง, ความบริสุทธิ์, ความสุขและความรุ่งเรือง สีขาวคือสีที่มักจะเห็นบนเสื้อคลุมของนางฟ้าคริสต์มาส, เคราของซานตาคลอส, ริมชายเสื้อสีขาวของชุดซานตาคลอส, หิมะในช่วงเทศกาลคริสต์มาสและสะเก็ดของหิมะ

สีทอง :

เป็นสัญลักษณ์ของแสงอาทิตย์และความสว่างไสว นอกจากนี้ยังเป็นสีของดาวคริสต์มาส,เครื่องประดับ,เทียน,หลอดไฟ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น